intro
ภายใต้คอนโดหรูยังมีสองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันอยู่บนเตียงหลักสี่เสา
ก่อนคนตัวเล็กจะเป็นฝ่ายโถมตัวขึ้นคร่อมกายคนใต้ร่างเอาไว้เพื่อควบคุมจังหวะด้วยตัวเอง
สองมือเรียวยันหน้าท้องแกร่งอีกคนเอาไว้เพื่อประคับประคองตัวเองไม่ให้เสียการทรงตัว
เขารู้แค่ว่าหน้าที่ตัวเองตอนนี้คือเป็นผู้ชักนำซึ่งต้องขยับกายยกขึ้นลงอยู่ตลอด
แม้ในหัวสมองจะขาวโล่งไปแล้วหมดก็เถอะ
“อึก... อ๊ะ”
เสียงลมหายใจขาดห้วงปนครางดังออกมาจากริมฝีปากเรียวเคลือบสีชมพูอ่อนเป็นระยะเมื่อคนตัวใหญ่กว่าเลื่อนฝ่ามือหนาขึ้นมายึดเอวคอดเล็กเอาไว้แล้วกดย้ำแรงขย่มให้ไปในทางที่ตัวเองต้องการ
เด็กหนุ่มเชิดใบหน้าขึ้นสูงเพื่อให้คนตัวใหญ่กว่าได้เชยชมลำคอขาวและขบกัดจนกว่าจะพอใจจมูกสันโด่งทั้งริมฝีปากร้อนของเขาลากไล้แตะไปทั่วหน้าอกกว้างก่อนจะหยุดอยู่ที่กระดูกไหปลาร้าสวยแล้วกดจูบลงไปหนักๆ
ทั้งสร้างรอยเด่นชัดให้เป็นรางวัลที่เอาอกเอาใจเขาได้เก่งขนาดนี้
ทว่าแรงที่กำลังโหมกระหน่ำใส่กันก็ต้องชะงักค้างกลางอากาศเมื่อได้ยินเสียงสั่นเครือดังมาจากบนหัวเตียงเพราะอย่างนั้นเอง
คนที่อยู่ใกล้มันที่สุดก็ต้องเอื้อมไปหยิบและช่วยส่งต่อให้เจ้าของที่กำลังควบสะโพกอยู่เหนือร่างเขา
ทั้งยักคิ้วเป็นเชิงบอกให้รับสายได้เลย ไม่ต้องเกรงใจเขา
“ฮ..ฮะโหล ว่าไงแทยง ฮื่อ”
คนตัวเล็กที่ยังค้างอยู่ในห้วงกามอารมณ์
พยายามจะกลั้นเสียงแหบพร่าของตัวเองไว้แต่เหมือนว่าจะล้มเหลวตั้งแต่ประโยคแรกที่เปล่งเสียงออกมา
เพราะมันใช้ไม่ได้ผลกับเพื่อนสนิทเขาเลย
(เฮ้ยเป็นอะไร ทำไมเสียงมึงดูเหนื่อยๆว่ะ ยูตะ)
“ออกแรงกับพี่จอห์นนี่อยู่ อื้อ!”
ยูตะตัดสินใจโพล่งบอกความจริงออกไปตรงๆมากกว่าเลือกที่จะโกหกเพราะสติสัมปชัญญะของเขาประมวลคิดหาเหตุผลอะไรไม่ได้แล้วในตอนนี้
จะยังไงท้ายที่สุดก็ต้องถูกเพื่อนตัวดีเร่งรัดให้บอกความจริงในภายหลังอยู่ดีนั่นแหละ
(เชี่ย... นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย)
“กูอยู่ข้างบน”
(ไอ้ยูตะ!)
“อ๊า!”
ยูตะแทบร้องเสียงหลงเมื่อโดนคนตัวโตแกล้งกดสะโพกตัวเองลงแรงๆโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวกันเลยสักคำ
ทำให้คนตัวเล็กต้องตวัดสายตาไปมองดุคนตรงหน้าที่ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกผิดอะไรแถมยักไหล่แล้วหัวเราะอย่างพอใจให้เขาได้เคืองเล่นอีกต่างหาก
(โว้ยยยยย กูไม่คุยกับมึงแล้ว)
แทยงตัดสายไปเองทันทีหลังจากที่พูดจบประโยคนั้น
ยูตะได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเบาๆอย่างปลงตก พนันได้เลยว่าแทยงต้องโกรธจนแทบอยากพ่นไฟออกมาแล้วแน่ๆ
สงสัยต้องรีบคิดหาวิธีไปง้อเจ้าตัวแล้วละ
“เพื่อนยูตะ โทรมาอีกแล้วเหรอครับ”
ซอยองโฮถามพร้อมไล้ริมฝีปากที่ข้างกกหูแล้วกดจูบเบาๆทำให้อารมณ์ของยูตะที่หมายจะคาดโทษการกระทำอันจ้าบจ้วงก่อนหน้านี้ได้หลุดหายไปหมด
“อืม แทยงน่ะ ไว้เดี๋ยวยูตะจะโทรกลับหามันทีหลัง ถ้าเราสองคน...”
ยูตะพูดเว้นว่างคำสุดท้ายพร้อมวาดนิ้วเรียวสวยกรีดกรายไปทั่วหน้าอกแกร่งของคนตัวโตและไล้มือบางทั้งสองข้างขึ้นไปลูบสันกรามอีกคนอย่างหลงใหลก่อนจะสอดนิ้วเข้าใต้กลุ่มผมอีกคนแล้วรั้งใบหน้าหล่อเข้ามากดทาบริมฝีปากบดเบียดกันอย่างนุ่มนวลแล้วผละจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
“เสร็จกันแล้วอ่ะน่ะ”
ประโยคหลังที่ส่อไปถึงเรื่องใต้สะดือประกอบกับรอยยิ้มสวยจุดประกายขึ้นมาบนใบหน้าอันน่ารักแต่ก็แฝงไปด้วยความยั่วยวนเรียกให้คนมองอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“ถ้าทะเลาะกันขึ้นมา ผมไม่รู้ด้วยนะ”
“โถ่...จอห์นนี่ ก็น่าจะรู้ว่ายูตะไม่ชอบค้างคา มันน่าหงุดหงิด”
ยูตะเชยปลายคางอีกคนขึ้นแล้วจ้องลึกเข้าไปดวงตาคมอย่างออดอ้อนราวกับจะบอกว่าตัวเองเจียนใจจะขาดอยู่ร่อมร่อแล้วถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมทำมันต่อเดี๋ยวนี้
หนำซ้ำเอวคอดยังเริ่มขยับสะโพกตัวเองเพื่อเร่งเร้าคนตัวโตอย่างเอาแต่ใจอีก
“เอางั้นก็ได้ครับ ตามใจยูตะแล้วกัน”
electric heart
ลีแทยงกะว่าจะโทรชวนไปหาอะไรกินด้วยกันซะหน่อย นานๆทีตารางชีวิตจะว่างตรงกันเพราะด้วยความอยู่คนละคณะ
แต่ดูเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวทำกับเขาสิ
จอห์นนี่ เอะอะก็ จอนห์นี่ซอ เต็มไปหมด แม่งน่ารำคาญชะมัดเลยโว้ย!
ความสัมพันธ์ของยูตะกับไอ้เลวนั่น เป็นแค่คนคุยเท่านั้น
แค่คุยกันถึงเตียงแค่นั้นเอง บ้างทีก็นอนค้างคืนด้วยกัน
แวะมาพาไปกินข้าวด้วยก็แล้ว ไปรับ-ไปส่งก็แล้ว
ทำตัวเหมือนแฟนกันทุกอย่างแต่ไม่ยอมขอคบกับเพื่อนเขาสักที
แถมยังทำให้เสียใจอีก ไอ้เวร จอห์นนี่ ซอ เอ้ย !
เขาเกลียดขี้หน้าไอ้บ้านั่น มันทำเหมือน นากาโมโตะ ยูตะ
เพื่อนรักของเขาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นเป็นเหมือนคนโง่ ซึ่งช่างตลกร้ายซะเหลือเกินตรงที่เพื่อนเขาเป็นคนฉลาด
แต่ยอมเป็นคนโง่เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับมัน
ต้องบอกว่าเพื่อนเขาหลงรัก จอนห์นี่ ซอ อย่างหัวปักหัวปำ ซึ่งเขาไม่เห็นว่ามันมีข้อดีอะไรตรงไหน
มันเคยมีแฟนมาก็เยอะ แต่คบได้ไม่ถึงสองเดือนก็เลิก เรียกได้ว่าเปลี่ยนแฟนเดือนละครั้งเลยก็ว่าได้
คุณคิดว่าไอ้คนแบบนี้น่ะเหรอ
ที่เขาอยากจะปล่อยให้เพื่อนรักตัวต้องไปพัวพันกับคนอย่างมันน่ะ เขาจะไม่ยุ่งด้วยเลยถ้าทั้งสองเป็นแฟนกันจริงๆ
ไม่ใช่ไอ้ความสัมพันธ์คู่นอนบ้าบอคอแตกอะไรแบบนี้
หลายครั้งหลายคราที่พยายามเตือนและหาหลักฐานมายืนยันให้เพื่อนได้ดูว่า
ไอ้คนอย่าง จอนห์นี่ ซอ ที่เพื่อนเขารักนักหนาแท้จริงแล้วเป็นพวกจับปลาล้นมือ
พอใจจะมีเซ็กส์กับใครก็ได้ที่ตัวเองอยากมี ได้ยินมาว่า มีทั้ง วันไนท์สแตนด์กับคนแปลกหน้าบ้าง
เพื่อนตัวเอง รุ่นน้องตัวเอง รวมถึงอาจารย์ตัวเองก็ด้วย
หมอนั่นมันยังทำแบบนี้อยู่ ทั้งๆที่ทุกคืนก็กลับมานอนกอดยูตะ
แต่รู้ไหมว่าความหวังดีของผม ทำให้ตัวเองกลายหมาไปเลยทันทีเมื่อ นากาโมตะ
ยูตะ บอกว่า
“กูรู้อยู่แล้วละ ขอบใจมึงมากนะ”
ครับ... ก็เอาเลยครับมึง เต็มที่เลยนะ อยากจะทำอะไรก็เชิญ แล้วแต่เลย
กูไม่สนใจมึงแล้ว โคตรสุดเซ็ง แต่พอไม่ได้ว่าอะไรมันมากเท่าเมื่อก่อนเท่านั้นแหละ มันก็แทบจะหอบเก็บเสื้อผ้า
พาเอาค่าของต่างๆไปค้างคืนกับหมอนั่นแทบทุกวันทุกคืน อยู่กินด้วยกันไม่ต่างอะไรกับชีวิตคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน
ทำขนาดนั้นแล้ว ไอ้บ้านั่นยังหน้าด้านไม่ยอมรับสถานะอยู่ได้
โอ้ยหัวร้อนเว้ย!
แทยงเก็บมือถือเข้าที่เดิม ก่อนจะก้มหน้าเดินเตะฝุ่นอยู่หน้าคณะคนเดียวเผื่อจะหายหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง
ทว่าต้องหน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิมเมื่อมีเสียงทักท้วงที่ดังมาจากทางซ้ายมือของตัวเอง
“ไงครับรุ่นพี่ ทำหน้าเหมือนแมวโดนแย่งปลาทูมาเลยนะ”
“ปลาทูบ้านป้ามึงสิ”
แทยงตอบอย่างหัวเสียโดยที่ไม่ต้องเงยหน้ามองก็รู้ว่าเจ้าของประโยคอันกวนกระสาทนี้คือ
มาร์คลี หรือเรียกอีกชื่อก็ มินฮยอง
รู้จักและสนิทสนมกันเพราะมันเป็นน้องรหัสของเขาเอง
“ทำไมครับ? เรื่องพี่ยูตะอีกแล้วละสิ”
มาร์คถามขึ้นอย่างรู้ทัน
แน่นอนว่าคนโดนตั้งคำถามถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงตอบรับว่าตามนั้นแหละ
ก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอกที่จะทำให้แทยงโกรธจนเป็นบ้าเป็นหลังได้ขนาดนี้
“ผมรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาเลยอ่ะครับ
เกิดอะไรขึ้นหว่า”
“ทำไม? มึงจะรวบรวบข้อมูลไปมัดกุมใคร”
“โถ่.. พี่ก็รู้ว่าผมมีนิสัยชอบเล่นเป็นนักสืบ”
“ภาษาสุภาพของคนที่มีนิสัยชอบเสือกเหรอ”
มาร์คหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีเมื่อถูกแทยงตอกหน้าใส่ด้วยคำหยาบคายถึงสองครั้ง
สำหรับแทยงแล้วหลายคนอาจจะคิดว่าเขานิสัยไม่ดีที่ยังกล้าด่าน้องมันได้ลงคอ ใครๆก็รู้จักกันดีในนามของ
มินฮยอง มันเป็นเด็กสุภาพ เคารพผู้ใหญ่
ไม่เคยคิดจะพูดจาไม่ดีใส่เขาซึ่งเป็นรุ่นพี่เลย ไม่ใช่แค่เขาแต่กับเพื่อนมันก็ยังสุภาพ
แม้แต่คำสถบเขายังไม่เคยได้ยินออกจากปากน้องมันเลย
ที่มันยังหน้าระรื่นแม้จะถูกด่าอยู่นั่นแหละ ที่เรียกว่าโคตรหยาบคายเลยเว้ย!
“ทำไมยูตะต้องมาพบเจอแต่คนแบบนี้ด้วย”
แทยงไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยพูดอะไรต่อ มาร์คก็คว้าข้อมือบางของคนเป็นพี่รหัสตัวเองพาไปนั่งอยู่โต๊ะใต้คณะด้วยกัน
เพราะเห็นว่ารอบตัวมีคนมองเยอะมากเกินไปแล้ว อีกอย่างเขาไม่อยากให้ใครเผลอมาได้ยินด้วย
“เจอแต่คนแบบนี้ ที่ว่านี่ยังไงเหรอครับ
ไม่ใช่รุ่นพี่จอห์นนี่หรอกใช่ไหม?”
มาร์คทวนถึงประโยคของพี่รหัสหน้าแมวก่อนหน้านี้ด้วยใบหน้าเอาจริงจังเอาจัง
ก็แหงละ เกริ่นให้เขาอยากรู้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมด
มิหวังต่อมนักสืบได้ขาดใจตายเป็นแน่แท้เลยไอ้มาร์คเอ้ย
ทำไมต้องอยากรู้เรื่องชาวบ้านขนาดนี้ บ้างทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน สงสัยจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ละมั้ง
แทยงทำหน้าครุ่นคิดอยู่ซักพักว่าควรจะเล่าเรื่องนี้ดีไหม
แต่มาร์คก็เป็นคนๆหนึ่งที่แทยงคิดว่าสามารถไว้ใจได้รองลงมาจากยูตะ หลายเดือนที่ผ่านมาเวลายูตะไม่ว่างหรือต้องไปหาไอ้เวรนั้น
ก็จะมีไอ้น้องรหัสคนนี้แหละ ที่คอยเข้ามาก่อกวน คอยฟังเขาบ่นเรื่องยูตะ รับฟังปัญหาหลายๆอย่าง
คอยมาชวนไปนั่นนี้ไม่ให้เหงาหรือทิ้งให้เขาต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพังเพราะมาร์ครู้ดีว่าเขาไม่มีใครอีกแล้ว
รวมถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ใช่..กับมาร์คน่ะไม่เป็นไรอยู่แล้ว
“เรื่องมันก็นานมาแล้วละ ยูตะเคยหน้ามืดตามัวตกหลุมรักเขาคนนั้น
ไอ้คนที่มีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังเก็บยูตะเป็นตัวสำรองไว้เงียบๆ สัญญาว่าถ้าเลิกกับแฟนเมื่อไหร่จะขอคบยูตะทันที
แต่สุดท้ายก็แค่ลมปากของคนเห็นแก่ตัว
เพราะมันหนีไปมีแฟนใหม่แถมยังชี้นิ้วสั่งให้ยูตะไปคุยกับคนอื่นอีก”
มาร์คถึงกับตบเข่าฉาดหนึ่งอย่างขัดใจในสิ่งที่ไอ้คนเลวนั้นทำกับพี่ยูตะ
ที่เคืองไม่ใช่อะไรนะ ก็พี่ยูตะเขาก็ออกจะน่าอร่อยขนาดนั้น แถมผิวกายขาวผ่องเป็นยองใย
หน้าตาก็ดีมากจัดว่าอยู่ในชนิดแรร์ไอเทมหาได้ยากพอๆกับพี่แทยง แล้วมันกล้าทิ้งไปเอาคนอื่นได้ยังไงว่ะ
มันต้องกินหญ้าแทนข้าวแน่นอน ถ้าเขามีของดีอยู่กับตัวแบบนี้ ไม่ต้องเรียนแม่งแล้ว
ขังกันอยู่แต่ในห้องนี้แหละ เอาให้ล้าจนคลานไปกินข้าวกันเลยทีเดียว
มาร์คได้แต่คิดอกุศลอยู่ในใจ ขืนพูดออกไปคงได้ถูกพี่แทยงประเค้นฝ่าเท้าให้หนักๆจนหน้าจูบพื้นเป็นแน่แท้
“โห่โคตรแย่เลยว่ะพี่ ใครหรอครับ เขาคนนั้นที่ว่าน่ะ”
“ไม่รู้สิ ยูตะไม่เคยบอก น่าจะกลัวกูตามไปหักคอละมั้ง”
“ถ้าพี่ยูตะบอกผมว่าเขาคงได้คอหักตายจริงๆอ่ะ”
“หักแค่คอยังน้อยไปเว้ย”
มาร์คหลุดหัวเราะออกมาอย่างถูกใจกับประโยคสุดโหดของพี่รหัสพร้อมพยักหน้ารัวๆอย่างเห็นด้วย
พี่ยูตะ กับ พี่แทยง แตกต่างกันสุดขั้ว โดยเฉพาะพี่ชายหน้าแมวอย่าง
ลีแทยง คนนี้แหละ เป็นคนห่ามๆ ตรงไปตรงมา พี่เขาโคตรเดินวีถีชีวิตลูกผู้ชาย
เห็นตัวเล็กเช่นนี้ ก็นักเลงพอตัวอยู่
สมัยยังเรียนมัธยมเคยได้ยินว่ามีเรื่องชกต่อยเป็นงานอดิเรกด้วย
หนำซ้ำหน้าตาก็ไม่ใช่ขี้ริ้วขี้เหร่อีก เรียกว่าหน้าตาดีมากเลยจะดีกว่า
เป็นคนดังของทั้งโรงเรียนทั้งมหาลัยเลยละ ฉะนั้นไม่ว่าทั้งผู้หญิงหรือผู้ชายก็อยากจะเข้าหาพี่เขากันทั้งนั้น
แหม่..แต่เห็นฮอตขนาดนี้ พี่รหัสหน้าแมวก็ยังโสดสนิทอยู่นะครับ
ต่างกับ นากาโมโตะ ยูตะ พี่ชายสัญชาติญี่ปุ่นคนนั้น เป็นคนที่เซ็กซี่ มีสเน่ห์ยั่วยวนเห็นแล้วน้ำลายจะฟูมปากเอาทุกครั้งที่ได้เฉียดใกล้
แค่มองหน้าก็รู้สึกคิดดีไม่ได้เลยสักครั้ง ก็นะ..พี่เขาชอบควงผู้ชายหล่อๆไม่ซ้ำหน้า
มีแฟนก็เยอะ เป็นพวกกร้านโลกอยู่พอสมควร เวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วบ้างทีก็ดูเหมือนผัวเมียนะ
แต่คิดอีกทีก็แบบ... พี่แทยงน่ะเหรอจะเป็นผัวใครได้
เห็นว่าชีวิตนี้ไม่เคยมีแฟนเลยสักคนต่างกับพี่ยูตะ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่พี่รหัสของเขาพอจะมีด้านที่โชกโชนกับคนอื่นเขาอยู่บ้าง
ก็คือประสบการณ์การเที่ยวและน้ำเมา เป็นอีกเรื่องที่มาร์คเพิ่งจะรู้ได้ไม่นานนี้เอง
แต่ถ้าเป็นเรื่องความรัก บอกได้เลยว่าพี่แทยงแทบจะสยายปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้านภาลัยอย่างน่าเศร้า
ไม่สิคำว่านกมันเก่าไปแล้ว
ต้องเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรกับคาน
จนปานนี้ก็ยังไม่เห็นจะมีใครสามารถพิชิตหัวใจพี่รหัสเขาได้เลยสักคน
แต่เดี๋ยวก่อนนะ..
มาร์คที่เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ก็รีบล้วงสมาร์ทโฟนมาแล้วรัวแป้นพิมพ์ข้อความส่งหาบุคคลที่คาดว่าน่าจะให้คำตอบได้เร็วที่สุดในกลุ่ม
เพราะเจ้าตัวก็ค่อนข้างติดแชทและชอบคุยจีบสาวอยู่แทบตลอดเวลา
MLXX
: เห้ยท่านพี่! คืนนี้หัวหน้าพวกเราไปทำงานป่ะครับ
JAYZ
: เออ เห็นว่าคืนนี้มันอยู่ยาวด้วยมั้ง
ข้อความถูกตอบกลับมาอย่างรวดเร็วทำให้มาร์ครู้สึกไม่ผิดหวังในตัวพี่ชายคนนี้เลยจริงๆ
ต่างกับพี่ชายอีกคนที่ไม่ได้ชอบการคุยแชทเท่าไหร่ ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรมีแต่ต้องโทรไปหาสถานเดียว
MLXX
: คืนนี้ผมไปหาหัวหน้านะเว้ย
พี่สนใจจะหิ้วใครกลับห้องด้วยป่ะ
JAYZ
: ไม่อ่ะ กูติดโปรเจ็คยังไม่เสร็จเลย
MLXX
: รับทราบ งั้นเอาไว้คุยกันใหม่ครับท่านพี่
มาร์คเก็บมือถือเข้าไว้ที่เดิมก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปถามคนที่นั่งเล่นมือถืออยู่ฝั่งตรงข้าม
“คืนนี้ พี่สนใจอยากไปเที่ยวแก้เซ็งหน่อยไหมอ่ะครับ”
พอเอ่ยปากชวนไปเที่ยวเท่านั้นแหละ
พี่รหัสหน้าแมวก็หูตั้งหางกระดิกขึ้นมาทันทีอย่างดีอกดีใจ มาร์คเห็นอย่างนั้นแล้วก็อดจะยิ้มตามไม่ได้ ถ้าพี่รหัสอยู่ในอาการแบบนี้ ก็มีแต่ต้องเอาเหล้าเข้าปากเท่านั้นแหละน่า
“มึงนี่รู้ใจกูจริงๆเลยมาร์ค จัดไปดิวะ”
แทยงตอบตกลงไปอย่างที่ไม่รู้เลยว่าน้องรหัสกำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่ในหัว
มันเป็นสิ่งที่มาร์คตั้งใจและอยากจะทำมาตั้งนานแล้วถ้ามีโอกาส
เขารู้จักพี่รหัสตัวเองดีว่าเป็นคนยังไง ถึงคิดว่ายังไงมันก็ต้องเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้
ถ้าหากเป็นคืนนี้ พี่รหัสสุดน่ารักต้องได้เจอ พี่ชายสุดที่รัก ของเขาอย่างแน่นอน
หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเกมกระดานที่วางเอาไว้นะ
คืนนี้มีเรื่องบันเทิงให้ดูแน่เลย ไอ้มาร์คลีเอ้ย!
electric heart
เสียงดนตรีดังกระหึ่มไปทั่วคลับชื่อดัง ใจกลางผับนั้นเป็นที่ตั้งของแท่นดีเจหนุ่มร่างใหญ่ที่กำลังก้มหน้าเปิดจังหวะ EDM ที่เร้าใจและถึงเข้าถึงอารมณ์ความมันส์ได้อย่างยอดเยี่ยม
และเน้นไปในแนวทาง Electronic House หลายครั้งที่เขาสามารถสร้างจังหวะดนตรีและคิดขึ้นมาด้วยตัวเองจากลวดลายเส้นเพลงที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
ทำให้เป็นถึงดีเจระดับแนวหน้าของย่านดังแถวนี้เลยทีเดียวก็ว่าได้
ถึงอย่างนั้น
เขารับงานอยู่เพียงแค่ที่เดียวเพราะที่นี่ได้เงินมากกว่าที่อื่นๆ บวกกับยังเรียนมหาลัยอยู่จึงไม่สามารถรับงานให้เยอะไปมากกว่านี้แล้ว
ทว่าบนโลกโซเชียลก็ถือว่าเป็นดีเจที่คุ้นหน้าคนคุ้นตาพอสมควร
ถ้ามีเวลาว่างเขาจะหมกตัวอยู่ห้องเพื่อทำเพลงใหม่ๆออกมา แล้วอัพเดทลงภายในบล็อกส่วนตัวของตัวเอง
นั่นคือข้อมูลที่ ลีแทยง
เพิ่งจะได้รับมาจากคำบอกเล่าของน้องรหัสผู้รอบรู้ไปซะทุกเรื่อง หลังจากที่เผลอไปเล่นจ้องตากับดีเจหนุ่มในผับดังแห่งนี้เข้า
มันเป็นจังหวะที่ฝ่ามือใหญ่กำลังเสยผมและบังเอิญเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาพอดี
หากจะบอกว่าเข้าข้างตัวเองก็ไม่น่าใช่เพราะเราสองคนเล่นมองกันนานเกือบสิบวินาที
...เออ ขอยอมรับก็ได้ว่ามันโคตรหล่อจริง
แต่ถ้าจะบอกว่าผู้ชายคนนี้มาทำแค่งานอย่างเดียว เขาไม่ขอเชื่อเด็ดขาด
เพราะว่าดีเจหนุ่มคนนั้นคือ ไอ้จอห์นนี่ ซอ ไงละ
แทยงบอกกับมาร์คว่าจะขอปลีกตัวออกมาเข้าห้องน้ำซะหน่อย แต่มันคือเรื่องโกหกทั้งเพเพราะตอนนี้เขากำลังสะกดรอยตามหลังของดีเจหนุ่มที่เพิ่งจะทำหน้าที่เปิดเพลงด้วยตัวเองคนเดียวถึงหนึ่งชั่วโมง
ก็ขอตัวพักแล้วเดินกลับเข้าห้องเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น บุคคลภายนอกอย่างเช่นตัวเขานั้นห้ามเข้ามาเด็ดขาด
..แต่เขาไม่สนหรอก ถ้าไม่ได้ซัดหน้ามันให้หายเซ็งซะก่อน
คนตัวเล็กหุนหันพลันแล่นบุกเข้าไปในห้องคนเดียวก็เห็นว่าคนร่างใหญ่เอนหลังอยู่บนโซฟากำลังพิงหัวเข้ากับกำแพงตั้งท่าจะพักผ่อน
และเสียงเปิดประตูทำให้สายตาคมกริบตวัดไปมองคนมาเยือนคนใหม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ว่าไงครับ มีธุระอะไรกับผมเหรอ?”
“ยูตะ อยู่ที่ไหน?”
คนตัวโตกว่าขมวดคิ้วแน่นด้วยความรู้สึกขุ่นมัวในใจ
เมื่อถูกตั้งคำถามอย่างห้วนๆจากคนที่เพิ่งจะได้เคยเปิดปากพูดคุยด้วยกันเป็นครั้งแรก
คนๆนี้น่าจะมีชื่อว่า ลีแทยง ละมั้ง พอจะจำหน้าได้อยู่ว่าเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของยูตะ
เคยเห็นอยู่ผ่านๆ แต่ไม่เคยเห็นใบหน้าด้วยระยะประชิดแบบนี้มาก่อน
เพราะเขาก็เร่งรีบอยู่ทุกครั้งเวลาไปรับยูตะที่คณะ
ก็เลยไม่เคยได้ทำความรู้จักกันอย่างเป็นทางการกับแทยงสักที
หน้าตาก็น่ารักดีอยู่หรอก
แต่ทำไมต้องมาขึงตาใส่เขาอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ด้วย?
...ไม่น่าประทับใจเอาซะเลย
“ก็ที่คอนโดของผมไงครับ”
“นี่มึงทิ้งให้ยูตะอยู่ห้องคนเดียวแล้วตัวเองก็ออกมาเที่ยวงั้นเหรอ
ไอ้เวรเอ้ย!”
แทยงเดินตรงเข้าไปถามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างหาเรื่อง
แต่คนตัวใหญ่กว่าก็รีบลุกหนีขึ้นทันควัน ก่อนจะตั้งท่าจะเดินเลี่ยงหนีไปอยู่ตรงอื่นเพราะไม่อยากจะมีปัญหากับตรงหน้าสักเท่าไหร่
“ผมก็คนมีงานต้องทำนะครับคุณ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อน”
การกระทำของแทยงคลี่คลายเรื่องราวที่เขาคาใจอยู่มาตั้งนาน
เขารู้แล้วว่าทำไมยูตะถึงทำตัวเหมือนไม่อยากให้เขาเข้าใกล้หรือสนิทสนมกับเพื่อนตัวเอง
ไม่แม้แต่จะเล่าอะไรเกี่ยวกับเพื่อนสนิทให้ฟัง
เขาเคยถามไปแล้วครั้งหนึ่งว่ามันมีเรื่องอะไรกันแน่ ฝ่ายยูตะก็ดูเหมือนไม่อยากเล่า
ไม่อยากให้ถามอีก เขาเองก็ไม่ชอบบังคับใคร และไม่อยากทะเลาะด้วย
ถึงยอมปล่อยผ่านมาอย่างไม่รู้ความจริงอะไรเลยสักอย่างเดียว
จวบจนกระทั่งวันนี้แหละถึงได้เข้าใจเหตุผลด้วยตัวเองอย่างแจ่มแจ้ง
เข้าใจเลยว่าทำไมถึงด่าเขาว่าไอ้เวร
ยองโฮรู้ตัวดีว่าในสายตาคนอื่นมองตัวเองเป็นคนยังไง
ยิ่งคนที่ดูรักเพื่อนมากอย่าง ลีแทยง ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกอยู่หรอก
แต่เขาก็แค่เป็นเขา มันคงดีมากและเลวร้ายมากในคนเดียวกัน
ซึ่งช่างโชคดีเหลือเกินที่ทุกคนต่างก็รู้จัก จอนห์นนี่ ซอ กันในด้านแง่ลบ
พวกเรื่องอื้อฉาวอะไรทำนองนี้ต้องมีชื่อเขาโผล่มาตลอด
แทยงคงรู้ข้อนี้ดีอยู่แล้วสินะ
รู้ที่ว่าเขาไม่ให้ความชัดเจนกับใคร รวมไปถึงตัว นากาโมตะ ยูตะ
เพราะแทยงรู้ถึงได้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เขามันก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งที่อยากมียูตะอยู่ด้วยกันไปนานๆ
เขาเป็นทุกอย่างให้อีกฝ่ายได้หมด ยกเว้นให้สถานะ ‘แฟนตัวจริง’
เขาไม่อยากจะผูกมัดยูตะด้วยสถานะคนรักอะไรทำนองนั้น
เหตุผลก็คือเขาไม่อาจทำหน้าที่แฟนที่ดีให้ได้
เขามั่นใจว่าตัวเองต้องทำให้ยูตะเสียใจเพราะไม่อาจเลิกนิสัยเจ้าชู้ได้
ยูตะ ยังไม่ใช่คนที่จะทำให้เขาหยุด
หยุดในที่นี้ก็หมายถึง ‘รัก’
เพราะยังไม่มีใครทำให้เขาหยุดได้
เขาถึงไม่ยอมปล่อยหรือผลักไสอีกฝ่ายออกไป นั่นและคือความเห็นแก่ตัวของซอยองโฮ
ก็รู้นะว่าทำแบบนี้มันเลว แต่ถ้าอีกฝ่ายยอมรับสถานะนี้เอาไว้ได้ด้วยความเต็มใจ
งั้นก็ช่างแม่งความเลวไปก่อนเถอะ
“มึง..ทำไมต้องหลอกยูตะด้วยวะ ทำไม!” ยองโฮเซไปด้านหลังเล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายกระชากคอเสื้อเอาไว้และเขย่าอย่างแรงเพื่อเค้นเอาคำตอบจนคนตัวโตชักจะเริ่มฉุนเฉียวกับความดื้อด้านของคนตรงหน้าขึ้นมาแล้วจริงๆ
“หลอก? คุณเอาอะไรมาพูดน่ะครับ คุณเพื่อนรักของยูตะ”
“ก็มึงไง เห็นเพื่อนกูเป็นแค่คู่นอนเองหรือไง
วันๆเอาแต่มั่วเซ็กส์กับคนอื่นไปเรื่อย สุดท้ายก็กลับไปนอนกอดเพื่อนกูเนี้ยน่ะ
มึงทำอะไรเคยนึกถึงจิตใจเขาบ้างไหม ถ้ามึงไม่ได้รักก็ปล่อยยูตะไปไม่ได้เหรอวะ“
“คุณน่าจะรู้เอาไว้อย่างหนึ่งว่าผมไม่เคยรั้งเพื่อนคุณเอาไว้ด้วยคำว่า
‘รัก’ เลยสักครั้งเดียว และที่สำคัญผมไม่ได้บังคับเพื่อนคุณ
ไม่เลยแม้แต่น้อย ยูตะยินยอมอยู่ในสถาะนั่นเอง”
“ที่มันยอมทนก็เพราะมันรักมึงไง รักคนเหี้ยๆแบบมึงไง” เมื่อซอยองโฮได้ยินคำกล่าวหาจากคนตัวเล็กเขาก็ทำเพียงแค่ส่งรอยยิ้มให้คนตรงหน้าและพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยว่าอีกฝ่ายพูดถูกต้องแล้ว
“อ้อครับ ผมมันเหี้ย ใครๆก็ว่าอย่างนั้น
ขอบคุณที่ร่วมเป็นอีกหนึ่งเสียงยืนยัน”
“...”
ยองโฮเกือบหลุดขำเมื่อเห็นว่าคิ้วแทยงกำลังผูกกันเป็นโบทั้งยู่ปากใส่เขาอย่างไม่พอใจคาดว่าอาจจะนึกคำกรนด่าเขาไม่ออก ก็แหงละ
ถ้าได้รู้จักนิสัยเขาก็ไม่อยากด่าให้เสียเวลาหรอก อย่าหวังว่าจะได้เห็นเขาโกรธเพราะด่าให้ตายยังไงก็ไม่รู้สึกตะขิดตะขวางใจ
แถมก้มหัวน้อมรับอย่างแมนๆด้วย ถ้ามันคือความเป็นจริง
เรียกให้ถูกคือเขาโคตรหน้าด้านเลยนั้นแหละ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวนะครับ” ดีเจหนุ่มว่าพร้อมจับข้อมือเรียวที่ยึดคอเสื้อเขาให้ออกห่างจากตัวก่อนจะเดินหนีเข้าไปด้านในอย่างผู้ชนะ
ทิ้งให้คนตัวเล็กยืนกระฟัดกระเฟียดด้วยความโมโหอยู่แถวนั้น
electric heart
แทยงยอมรับเลยว่าไม่รู้ว่าจะจัดการกับซอยองโฮยังไงดี
แต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่าคือเขาไม่ได้ต่อยหน้ามันเลยสักหมัดเดียว แต่เก็บเอาไว้คราวหลังก่อนก็ได้
เพราะการตามตัวมันน่าจะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรหรอก
พอคิดได้อย่างนั้นแทยงก็ตัดสินใจจะเดินออกไปรวมโต๊ะดื่มกับมาร์คเช่นเดิม
ถ้าไม่ติดว่ามีสาวสวยคนหนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าวาบหวิวกระโปรงสีดำที่สั้นจนโผล่พ้นขึ้นขาอ่อนจนเห็นได้ไปถึงไหนได้เปิดประตูเข้ามา
เธอทำท่าทางเหมือนกำลังมองหาใครสักคน พอเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ เธอจึงเดินเข้าไปห้องด้านในที่อยู่ลึกกว่า
เหอะ ไอ้พวกเจ้าชู้เชื่อไม่ได้..
แทยงกรนด่าในใจอย่างหงุดหงิดเมื่อนึกถึงใบหน้าอันกวนประสาทของอีกฝ่ายก็ยิ่งเกลียดมันเข้าไปอีก
ไม่อยากจะเชื่อว่าขนาดเวลาพัก มันยังมีหน้าเรียกผู้หญิงเข้าไปในห้องเพื่อทำเรื่องอย่างว่าได้เลย
สงสัยเรื่องงานอันสำคัญของซอยองโฮจะเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพื่อจะออกมาเที่ยวสนุกไปวันๆอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด
เห็นเพื่อนสนิทเขาเป็นแค่ของตายหรือไง?
เด็กหนุ่มกระตุกคิ้วขึ้นอย่างนึกได้เมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
มุมปากเรียวยกยิ้มอย่างนึกสนุกเพราะคิดว่ามันคือแผนการก่อกวนแบบง่ายๆที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
...จะได้เห็นหมีคลั่งก็คราวนี้ละวะ
.
.
.
.
.
.
“เธอน่ะ ช่วยออกไปให้พ้นจากคนของฉันก่อนได้ไหม”
แทยงเอ่ยแทรกขึ้นกลางบทสนทนาด้วยคำโกหกทำให้ฝ่ายดีเจหนุ่มและสาวสวยที่กำลังยืนคุยกันอยู่ต้องหันไปมองเจ้าของเสียงเป็นสายตาเดียว
“เด็กใหม่นายหรือไง ไร้มารยาทดีนะ”
หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองยองโฮด้วยแววตาคาดโทษก่อนจะเดินกระทืบส้นสูงหนีออกไปข้างนอกทั้งปิดประตูปึงปังใส่อย่างไม่พอใจ
โดยที่ไม่คิดจะรอฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น
“เดี๋ยวก่อนสิครับ พี่ซึลกิ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ!”
“กูทำให้มึงพลาดเหยื่อสินะ จอห์นนี่ ซอ” แทยงพูดเยาะเย้ยคนที่พยายามจะตะโกนไล่หลังหญิงสาวคนนั้นเพื่อไม่ให้เธอเข้าใจผิด
แต่เหมือนว่าเธอจะไม่แม้แต่จะคิดหยุดฟังเลย ซึ่งมันทำให้คนตัวเล็กสะใจอย่างสุดๆ
“ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วยครับ”
ยองโฮที่กำลังหัวเสียไม่น้อยถามเอาเหตุผลกับอีกฝ่ายอย่างใจเย็น เพราะไม่อยากให้เรื่องราวมันลุกลามไปมากกว่านี้แล้ว
ลีแทยงสร้างปัญหาให้เขาเพียงเพราะเหตุผลที่ว่าเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนสนิท
ก็เข้าใจว่าเป็นคนรักเพื่อนเหลือเกิน
แต่ทำแบบนี้มันชักจะเกินขอบเขตกันมากไปหน่อยแล้วละมั้ง
“มึงจะทำไมละ หรือว่าโกรธจนตัวสั่นที่ไม่ได้เอาผู้หญิงคนนั้...”
ซอยองโฮเหวี่ยงคนปากเสียอัดเข้ามุมกำแพงห้องอย่างสุดจะทนกับการกระทำอันไร้เหตุผลของอีกฝ่าย
ท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองและขนาดลำตัวที่สูงใหญ่ ได้ตามเข้าไปเท้าแขนร่างที่เล็กกว่ามากไว้ในวงล้อมมัดกล้ามเรียกได้ว่าจมมิดหายเข้าไปในอ้อมอก
ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้จะปั้นหน้ายังไงเมื่อถูกกักขังด้วยท่วงท่าที่น่าอายเช่นนี้
“ทำบ้าอะไรวะ ปล่อยกู!”
แทยงโวยวายด่าทอพร้อมดิ้นขลุกขลักพยายามจะดันอกคนตรงหน้าออก
ก็รู้อยู่หรอกว่ามองแค่ขนาดตัวก็เข้าใจได้แล้วว่าใครเป็นฝ่ายได้เปรียบทางกายภาพมากกว่า
ไม่ว่าจะทั้งต่อยทั้งทุบก็ไม่มีผลอะไรกับไอ้บ้านี้ มันไม่ต่างอะไรกับการทุบกำแพงหิน
เพราะให้ตายยังไงมันก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่มันรู้สึกเจ็บเป็นบ้างไหมเนี่ย!?
เขามั่นใจว่าหากเป็นพื้นที่กว้างยิ่งกว่านี้ ต้องซัดหน้ามันได้แน่
โว้ยย.. อย่าให้หลุดไปได้นะ !!
เมื่อยองโฮเห็นหน้าตาเลิกลั่กของอีกคนก็อดจะขำในใจไม่ได้
ก่อนหน้านี้ยังฟาดฟันด้วยสายตาจะเอาเรื่องเขาให้ได้อยู่เลย
แล้วตอนนี้เกิดปอดแหกอะไรขึ้นมาแล้วละ ทำยังกับไม่เคยผ่านเรื่องอย่างนี้มาก่อน
อายุก็เข้าขั้นเลขสองแล้วไม่เห็นจะต้องตื่นกลัวอะไร หรืออาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ชินเวลาถูกรุกละมั้ง
แต่ว่านะ...ถ้ามันไม่ใช่ทั้งสองอย่างละ?
ดีเจหนุ่มยิ้มกรุ่มกริ่มเมื่อคิดได้ว่าถ้าไม่ลองพิสูจน์ด้วยร่างกายตัวเองดูก็ไม่มีวันได้รู้ข้อนี้น่ะสิ
“แต่ไหนๆ คืนนี้คุณก็ทำให้ผมพลาดสาวสวยไปแล้ว งั้นผมจะเอาคุณเป็นเหยื่อแทนละกัน”
“อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะเว้ย อึก!”
ยองโฮแกล้งบีบปากคนตัวเล็กที่กำลังดีดดิ้นเอาไว้แรงๆจนดูเหมือนว่ากำลังห่อริมฝีปากอยู่
จากนั้นฝ่ามือใหญ่ก็เชยปลายคางอีกคนขึ้นมาแล้วบังคับให้เชิดหน้าสูงขึ้นต่อด้วยการใช้ลิ้นร้อนของตัวเองเลียชิมขอบปากนุ่มที่กำลังถูกบีบค้างไว้
ทั้งกดขยี้จูบหนักๆอย่างเอาแต่ใจต่อไป แม้ร่างเล็กจะยังยืนตัวแข็งทื่อ
แทยงกำลังช็อคและไม่เข้าใจว่านี่คือเหตุการณ์ประเภทไหน
เขาไม่รู้จะรับมือยังไง เพราะเกิดมาก็เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก ในหัวรับรู้แค่ว่ามันเป็นสัมผัสที่รุนแรงและหยาบกระด้าง
แต่ก็ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
รู้สึกดีบ้าบออะไรว่ะ เขาควรจะหยุดมันดิ!
แต่เหมือนความตั้งใจในหัวของแทยงจะล้มเหลวทันทีเมื่อแก้มนวลถูกฝ่ามือใหญ่บีบกดเข้าหากันอย่างแรงจนเจ้าตัวต้องยอมเผยปากออกมา
และแน่นอนว่ามันคือการเปิดรับเอาลิ้นร้อนของยองโฮสอดเข้ามาในโพลงปากอุ่นนั้นด้วย
แทยงถูกลิ้นซุกซนของคนตรงหน้าถูไถเบาๆที่เพดานปากและข้างลิ้นอย่างหยอกเย้า
“ฮื่อ..”
เด็กหนุ่มร้องประท้วงในลำคอ เมื่อพยายามจะพาลิ้นตัวเองหนีเพราะไม่อยากจะสอดประสานลิ้นเป็นหนึ่งเดียวกับยองโฮ
แต่ก็ไม่รอดโดนเกี่ยวรัดเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด คนตัวเล็กจึงจำใจต้องปล่อยให้คนตัวโตได้ทำตามใจชอบ
รสชาติของแอลกอฮอล์ที่เคยลอยคละคลุ้งอยู่เต็มปากก่อนหน้านี้กลายเป็นรสจืดชืดเพราะถูกยองโฮดูดซับออกไปคนเดียวจนหมด
เมื่อสาแก่ใจเขาแล้วถึงได้ยอมผละริมฝีปากออกมาในที่สุด
“พอใจมึงยังว่ะ” แทยงถามเสียงหอบเหนื่อยเพราะควบคุมลมหายใจตัวเองไม่ได้
ต่างกับยองโฮยังหายใจเป็นจังหวะปกติดีเพราะช่ำชองกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
“ยังเลยอ่ะครับ”
ดีเจหนุ่มตอบทันควันอย่างไม่ต้องคิดทำให้แทยงอยากจะเป็นลมให้ได้เมื่อถูกปล่อยให้ได้พักหายใจได้ไม่ถึงหนึ่งนาที
ตรงข้างกกหูก็ถูกริมฝีปากหยักคลอเคลียทั้งขบเลียเพื่อกระตุ้นอารมณ์วาบหวาม วงแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทั้งสองข้างเลื่อนลงมารั้งเอวบอบบางเข้ามาบดเบียดให้อะไรต่ออะไรได้แนบชิดกันมากยิ่งขึ้น
ยิ่งทำกับคนอย่างลีแทยงที่ไม่ประสีประสากับเรื่องนี้ ทุกอย่างมันไวต่อความรู้สึกไปหมดพอถูกชายคนนี้สัมผัส
ที่ร้ายกาจคือ ซอยองโฮ เลือกที่จะแตะแต่ส่วนอ่อนไหวทั้งนั้น
เขารู้วิธีปลุกปั้นอารมณ์เป็นอย่างดี
ดีเกินในขนาดที่ว่าแทยงพยายามจะยกมือขึ้นมาแตะไหล่คนตรงหน้าหมายจะผลักออกไปพ้นๆ
แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ตอนนี้ฝ่ามือบางกำลังจิกท้ายทอยคนตัวสูงเพื่อยึดเหนี่ยวร่างตัวเองเอาไว้ซะงั้น
สองขาที่เคยเหยียดตรงก็ถูกแยกออกกว้างด้วยเข่าหนาเพื่อใช้เปิดทางให้ช่วงล่างได้เบียดสีกันผ่านเนื้อผ้า
ยองโฮจงใจแกล้งโยกสะโพกแกร่งใส่คนตัวเล็กเป็นจังหวะเนิบๆ พลางก้มลงพ่นลมหายใจอุ่นใส่ต้นคอขาว
เรียกได้ว่าแทยงตอนนี้เคลิมเคลิ้มไปตามแรงชักนำจนกู้ตัวเองไม่กลับ
ดีเจหนุ่มมองคนตัวเล็กด้วยสายตาที่เหนือกว่าเมื่อรับรู้ถึงความเปียกชุ่มที่หน้าเป้ากางเกง
แต่เขาสาบานได้ว่าไม่ใช่กางเกงของเขาอย่างแน่นอน
..แค่นี้ก็ไม่ไหวซะแล้วเหรอ ลีแทยง
J
ซอยองโฮ ขอบอกตามตรงเลยนะว่า ลีแทยง โคตรน่าจัด
โคตรของโคตรน่าจับทำเมียมันตรงนี้
แต่เขาทำไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของยูตะ
แถมนิสัยดูเป็นผู้ชายเลือดร้อน โผงผาง ไม่กลัวใครหน้าไหน เอาง่ายๆก็สายบู๊ละนะ
ซึ่งเป็นประเภทที่ยองโฮจัดได้ว่าไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งด้วยมากที่สุดเพราะมันน่าปวดหัว
ไม่อยากจะมีปัญหากับคนตรงหน้ามากไปกว่านี้แล้ว เพราะเขานั้นรักสงบยิ่งกว่าอะไร
...แต่มันอดจะแกล้งคนตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี
“เสร็จไวดีนี่ ครั้งแรกของคุณจริงๆสินะครับ?”
ยองโฮไม่ถามปากเปล่าอย่างเดียว เขาแกล้งใช้มือกดย้ำที่ตรงนั้นอีกด้วยและเหมือนกับว่ามันจะช่วยเรียกสติของแทยงให้กลับคืนกลับมาครบถ้วนทุกประการ
โดยเฉพาะด้านการใช้ความรุนแรงนี่แหละชัดเจนที่สุด
ผัวะ ปึง!
คนตัวใหญ่ถลาเซถอยหลังไปชนกับขอบโต๊ะด้วยแรงยันจากฝ่าเท้าของคนตัวเล็กที่ไม่ได้เล็กตามขนาดตัว
เป็นคนที่โกรธจัดแล้วแรงจะเยอะมากกว่าปกติ เยอะในแบบที่คาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ ยองโฮคิดผิดอย่างมหันต์ที่ยอมเปิดโอกาสให้อีกคนได้โต้กลับ
คนตัวโตถึงขั้นจุกและเวียนหัวเพราะถูกต่อยหน้าเต็มแรงจนต้องทรุดตัวนั่งกุมใบหน้าและหน้าท้องอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ
ซอยองโฮ ขอยอมรับว่าเจอแบบนี้โคตรเหวอในชีวิต
เกิดมายังไม่เคยโดนซัดทีเดียวจนหมอบคลานแบบนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าโดนชกเข้าเบ้าหน้าอีกสักหมัดหนึ่งอาจจะวูบไปแบบไม่รู้ตัวก็ได้
เกิดอะไรขึ้นกับ ลีแทยง ก่อนหน้านี้ยังเห็นอ่อนปวกเปียกอยู่เลย
แล้วตอนนี้ไหงกูเป็นงี้ว่ะ!
คนตัวสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นคนตัวเล็กย่างสามขุมเข้ามาหมายจะทำร้ายร่างกายอีกครั้ง
ถึงได้รีบยกวงแขนแกร่งขึ้นมาบังกายและเกร็งสุดตัวเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้โดนจุดสำคัญ
ก็รู้นะว่าถ้าตัวเองเอาจริงสามารถเอาชนะได้อย่างสบายๆ
แต่เข้าใจอารมณ์ว่าไม่กล้าทำเพราะกำลังมีความผิดติดตัวไหมครับ
..ตายห่าแน่เลย ซอยองโฮ เอ้ย
“เฮ้ยๆ พี่แทยง หยุดก่อนครับพี่” ราวกับเสียงระฆังช่วยชีวิตของบุคคลที่สามที่ไม่รู้มันโผล่หัวมารวบหัวรวบหางแทยงทันได้ยังไง
ยิ่งในห้องเฉพาะเจ้าหน้าที่แบบนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณจริงๆที่มันมาได้ถูกเวลาพอดี
“มึงอย่ามาห้ามกูนะมาร์ค กูจะไปกระทืบให้แม่งตายคาตีนเลย!”
“ก็ลองดูสิครับ เดี๋ยวได้รู้แน่ว่าผมจะตายคาตีนคุณหรือคุณจะตายคาอกผม”
ยองโฮพูดสวนขึ้นทันควัน อันที่จริงแค่ทำปากดีไปงั้นความจริงนี่
โคตรระแวงหลัง ภาวนาว่าไอ้คนใหม่จะจับแทยงไว้ให้แน่นมากพอ คือมันไม่คูลเลยสักนิด
รู้ถึงไหนอายถึงนั่นว่าเขาพลาดท่าให้ผู้ชายตัวเล็กๆแค่นี้
“ไอ้เหี้ยจอห์นนี่!”
แทยงทำท่าจะพุ่งเข้าไปหาเจ้าของชื่อแต่ก็น้องรหัสโดนรวบรัดตัวเอาไว้
“เห้ย นี่พี่กลัวจนฉี่แตกรดกางเกงเลยเหรอครับ” มาร์คทักท้วงพลางแกล้งเสมองไปที่เป้ากางเกงของพี่รหัสตัวเองอย่างกลั้นขำ
เล่นเอาแทยงต้องรีบเอามือตะครุบปิดเอาไว้ ทั้งอายทั้งโมโห เพราะความจริงมันเลวร้ายมากกว่านั้น
ซึ่งถ้าจะแก้ตัวว่าไม่ใช่ความจริงก็มีแต่จะยิ่งทำให้ตัวเองอับอายมากขึ้น
“ไอ้มาร์ค มึงหุบปากไปเลยนะ!”
แทยงขึ้นเสียงใส่น้องรหัสอย่างโกรธเคืองทั้งก้มหน้างุดหนีสายตาของชายทั้งสองที่ยืนมองตัวเองอยู่ในห้อง
ส่วนมาร์คก็หันหน้าไปส่งซิกให้ดีเจหนุ่มร่างใหญ่อย่างรู้กันโดยที่แทยงไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ดีเจหนุ่มรีบเร่งฝีเท้าออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วพร้อมถอนหายใจให้กับความคิดตัวเอง
ชักจะไม่มั่นใจแล้วละ ว่าหลังจากนี้ ซอยองโฮ จะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอย่างที่หวังเอาไว้ได้ไหม